
งานแต่งงานนับว่าเป็นงานที่ผู้คนจะมาเพื่อร่วมยินดีเฉลิมฉลองให้แก่คู่บ่าวสาว โดยรูปแบบของงานจะเป็นไปตามธรรมเนียมประเพณีของแต่ละชนชาติ แต่ละประเทศ ซึ่งแน่นอนชุดแต่งงานก็รวมอยู่ด้วย วันนี้เราจะพาไปดู ชุดราตรี สำหรับเจ้าสาวในแต่ละประเทศกันค่ะ ว่ามีความแตกต่างหรือมีลักษณะอย่างไรกันบ้าง
ชุดราตรีเจ้าสาวในแต่ละประเทศ
ชุดราตรี ของเจ้าสาวในแต่ละประเทศก็มีความคล้ายคลึงกันบ้าง ได้รับวัฒนธรรมจากประเทศอื่นมาบ้าง หรืออาจจะแตกต่างไม่มีเหมือนเลย ซึ่งเราจะมาดูกันว่าเป็นอย่างไรบ้างดังนี้ค่ะ
- เยเมน
เจ้าสาวในเยเมนจะสวมชุดเข้าพิธีสีทอง พร้อมด้วยเครื่องประดับสีเงินและทองตามแบบดั้งเดิม ที่มีจำนวนหลายชิ้นด้วยกัน
- ญี่ปุ่น
เจ้าสาวในญี่ปุ่นมักจะสวมชุดกิโมโนสีขาวผ่อง ซึ่งเป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์และวัยดรุณีนั่นเอง
- มองโกเลีย
เจ้าสาวในมองโกเลียจะสวมชุดที่ประดับลวดลายที่เรียกว่า Deel ที่มีการสวมใส่มานานหลายศตวรรษแล้ว โดยถือกำเนิดจากชนชาติมองโกเลียในเอเชียกลาง
- เคนย่า
ชุดเจ้าสาวของชาวเคนย่าค่อนข้างมีสีสันสดใสและหนักพอสมควร ทั้งเครื่องประดับที่ศีรษะ สร้อยที่ข้อมือ และสร้อยคออีกประมาณ 20 ชิ้นเลยทีเดียว
- นอร์เวย์
ในนอร์เวย์ชุดแต่งงานแบบดั้งเดิมเป็นที่รู้จักกันในนาม Bunad โดยจะมีสีสันสดใส และมีเครื่องประดับเป็นเงิน ซึ่งสื่อถึงการขับไล่วิญญาณชั่วร้ายนั่นเอง
- อินโดนิเซีย
ชุดแต่งงานแบบดั้งเดิมของชาวอินโดนีเซีย มาในรูปแบบลวดลายซับซ้อน ใช้เฉดสีโดดเด่น และเครื่องประดับศีรษะที่หรูหรา
- แอฟริกาใต้
ชุดแต่งงานของเจ้าสาวในแอฟริกาใต้จะมีสีสดฉูดฉาดหลายรูปแบบ แต่จะโดดเด่นมากตรงหมวกที่เรียกกันว่า ‘Inkehli’ พร้อมด้วยสร้อยคอ และกำไลลูกปัดสีสันสดใส
- เติร์กเมนิสถาน
ชุดเจ้าสาวในเติร์กเมนิสถานจะมีสีขาวที่ปัดลวดลายสวยงาม และใช้ผ้าคลุมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ซึ่งจะช่วยขับไล่วิญญาณชั่วร้าย และทำหน้าที่เสมือนเครื่องรางของขลัง
- ออสเซเทีย
เจ้าสาวในออสเซเทียสวมชุดเดรสแขนยาวที่ปักดิ้นอย่างสวยงาม และเข็มขัดโลหะที่เอวซึ่งนับถือกันว่าเป็นเครื่องราง
- อินเดีย
เจ้าสาวในอินเดียจะเลือกใช้ผ้าส่าหรีสีสันสดใส อันสะท้อนถึงภูมิภาคต้นกำเนิดของตัวเอง และเพ้นท์ลายเฮนน่าที่มือของพวกเธอ
- ศรีลังกา
ในศรีลังกาเจ้าสาวจะใส่ชุดแต่งงานสีขาวยาวทั่วไปแต่ที่พิเศษคือ เจ้าสาวจะได้รับ Nalalpata จากแม่ของเธอซึ่งเป็นเครื่องประดับพิเศษที่จะต้องวางไว้ตรงกลางหน้าผาก โดยเป็นสัญลักษณ์ของนิรันดร
ชุดราตรี ที่ใช้สำหรับใส่เป็นชุดเจ้าสาวในแต่ละประเทศล้วนแล้วแต่มีกลิ่นไอ และวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวรวมอยู่ด้วยเสมอ ซึ่งนับได้ว่าเป็นความงดงามที่หลากหลาย ที่มีอยู่ในทั่วทุกมุมโลกนั่นเอง